Collector’s Guides • 21 Apr 2021
TUDOR Chronographs: 50 ปี เส้นทางแห่งนวัตกรรมนาฬิกาจับเวลาโครโนกราฟ
สำรวจวิวัฒนาการของนาฬิกาจับเวลาโครโนกราฟของ TUDOR
ย้อนกลับไปเมื่อ 50 ปีก่อน TUDOR ได้นำเสนอนาฬิกาจับเวลาโครโนกราฟเรือนแรกสู่ตลาด ในรุ่น TUDOR Oysterdate Series 7000 (คุณอาจรู้จักในชื่อ Homeplate ชื่อเล่นในกลุ่มนักสะสมนาฬิกา) นับตั้งแต่เปิดตัว Homeplate ออกสู่ตลาด TUDOR ยังได้เปิดตัวนาฬิกาจับเวลาโครโนกราฟรุ่นใหม่ออกมาเป็นระยะๆ ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของนาฬิกาชั้นสูงจากคุณสมบัติของมันเอง เพื่อเป็นการฉลองครบรอบครึ่งศตวรรษของนาฬิกาจับเวลาโครโนกราฟระดับไอคอนของแบรนด์ และการเปิดตัวนาฬิการุ่นล่าสุดของบริษัท เราจะพาคุณออกสำรวจแคตตาล็อกของช่างนาฬิกาทั้งหลาย นับจากรุ่น Oysterdate ยุคแรกไปจนถึงคอลเลกชั่น Black Bay Chrono ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้
ค้นพบนาฬิกาจับเวลาโครโนกราฟรุ่นใหม่ของ TUDOR
นาฬิกา Oysterdate รุ่นแรกเปิดตัวในปี 1970
นาฬิกาจับเวลาโครโนกราฟ Oysterdate รุ่นแรกเปิดตัวในปี 1970 และนับเป็นจุดเปลี่ยนของผู้ผลิตนาฬิกาสวิส เพื่อไม่ให้สับสนกับรุ่นของ Rolex (ทั้งสองผู้ผลิตนาฬิกาเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน) นาฬิกา Oysterdate Series 7000 หรือ Homeplate มีความโดดเด่นในตัวของมันเอง ชื่อเล่นมาจากเครื่องหมายชั่วโมงรูปทรงห้าเหลี่ยมที่ดูคล้ายกับแผ่นโฮมเพลทในกีฬาเบสบอล ด้วยตัวเรือนขนาดใหญ่และดีไซน์แบบสปอร์ต Homeplate ได้แสดงให้เห็นถึงแนวทางใหม่ในการออกแบบที่กำหนดรูปแบบนาฬิกาจับเวลาโครโนกราฟที่เปิดตัวตามมาในภายหลัง
นาฬิกาจับเวลาโครโนกราฟที่เปิดตัวสู่ตลาดมี 2 รูปแบบ ทั้งคู่ใช้กลไกเดียวกัน (โดยเฉพาะเครื่องคาลิเบอร์ Valjoux 7734 ที่ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษมาในแบบไขลานและใช้ระบบจับเวลาแบบลูกเบี้ยว) หากแต่ละแบบนั้นมีความต่างบนขอบตัวเรือนเปี่ยมเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของตนเอง รุ่นแรก Reference 7301 ใช้ Plexiglas disc ประกบเหนือขอบตัวเรือน พร้อมสเกลทาคีมิเตอร์ 500-unit ใช้สำหรับคำนวณความเร็วเฉลี่ย ส่วนรุ่นที่สองคือ Reference 7032 ประดับสเกลทาคีมิเตอร์ 500-unit เช่นเดียวกัน แต่แกะสลักไว้บนขอบตัวเรือนที่ผลิตจากสตีลปัดด้าน และยังมีรุ่นที่ 3 ของ Homeplate ที่มาถึงเพียงขั้นตอนต้นแบบ ไม่ได้รับการผลิต
เลือกชม คอลเลกชั่นนาฬิกาของ TUDOR
ว่าด้วย ‘MONTE CARLO’ และ ‘BIG BLOCK’
Series 7100 มาพร้อมกับชื่อเรียกที่ชวนหลงใหลอย่าง ‘Monte Carlo’ ได้รับการเปิดตัวในปีถัดมา ซึ่งชื่อเล่นนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความจริงที่ว่า พื้นหน้าปัดนาฬิกาดูคล้ายกับวงล้อของรูเล็ตต์เป็นอย่างมาก และเป็นนาฬิกาเรือนแรกที่แสดงสัญลักษณ์ของ TUDOR ในเฉดสีฟ้า รวมถึงบนหน้าปัดและขอบตัวเรือน
เปิดตัวกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติชุดแรก
เราได้เห็นการพัฒนาที่น่าตื่นเต้นของ TUDOR ในปี 1976 เมื่อบริษัทได้ผลิตกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติชุดแรก ซึ่งก็คือ Series 9400 นาฬิกากลายเป็นที่รู้จักในชื่อ ‘Big Block’ จากตัวเรือนที่ออกแบบอย่างได้สัดส่วน ที่รังสรรค์เพื่อให้พอดีกับโรเตอร์ของกลไกอัตโนมัติ นาฬิกา Big Block มีด้วยกัน 3 รุ่นย่อย แต่ละรุ่นจะใช้กลไกแบบเดียวกันคือชุดกลไกจักรกลคาลิเบอร์ Valjoux 7750
ในปี 1995 ให้เกียรติกับโครโนกราฟชุดใหม่ที่แตกต่างจากสไตล์ดั้งเดิม ด้วยการเปิดตัว Series 79200 โดยปรับปรุงตัวเรือนที่ดูหนาและเส้นสายที่บึกบึนในรุ่นก่อน ให้ลดทอนความแข็งกร้าว ช่วยทำให้รูปลักษณ์ของนาฬิกาดูอ่อนโยนขึ้น Series 79200 ยังมาพร้อมตัวเรือนทองและสตีลที่ได้รับการขัดแต่งอย่างประณีต สายหนังและกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ จึงทำให้ได้รับสมญานามว่า ‘Sapphire Chronograph’
การกลับมาของ ‘VINTAGE’
ยุค 2000 เป็นช่วงเวลาการกลับมาของนาฬิการุ่นเก่าบางรุ่นของ TUDOR ในปี 2010 นาฬิการุ่น Homeplate ได้รับการเปิดตัวอีกครั้งเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของนาฬิกาโครโนกราฟของ TUDOR นาฬิกา Homeplate รุ่นใหม่ได้รับอิทธิพลโดยตรงจากต้นแบบในปี 1970 ที่ไม่เคยเปิดตัวออกสู่ตลาด ด้วยหลักชั่วโมงรูปทรงห้าเหลี่ยม และขอบตัวเรือนประดับสเกลชั่วโมงหมุนได้ แต่ได้รับการปรับปรุงและออกแบบใหม่สำหรับผู้สวมใส่ที่มีความร่วมสมัย
ไม่กี่ปีหลังจากนั้น นาฬิการุ่น Heritage Chrono Blue ก็เปิดตัวตามมา ด้วยทิศทางที่ชัดเจนจาก Monte Carlo นาฬิกาเรือนใหม่นี้เน้นโทนสีน้ำเงินและพื้นหน้าปัดที่ได้แรงบันดาลใจจากนาฬิการุ่นดั้งเดิม ในช่วงเวลาเดียวกัน TUDOR ยังได้แนะนำรุ่น Fastrider Black Shield ให้กับคอลเล็กชันนาฬิกาโครโนกราฟ ด้วยความงามที่แตกต่าง Fastrider Black Shield นำเสนอความโดดเด่นในตัวเรือนเซรามิกโมโนบล็อกและเหลี่ยมมุมที่ลงตัว
เปิดตัว BLACK BAY CHRONO
ล่าสุด TUDOR ได้กลับคืนสู่รากฐานของการออกแบบนาฬิกา Black Bay Chrono ที่เปิดตัวรุ่นแรกเมื่อปี 2017 โดยผสมผสานองค์ประกอบของนาฬิกาดำน้ำของ Black Bay รุ่นก่อน เข้ากับกลไกโครโนกราฟ และมีความสอดคล้องอย่างยิ่งกับนาฬิกาโครโนกราฟที่เปิดตัวมาก่อนหน้า สืบทอดรูปแบบด้วยขอบตัวเรือนแกะสลักสเกลทาคีมิเตอร์และสัมผัสที่ดูแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังสำรองพลังงานที่น่าประทับใจถึง 70 ชั่วโมง ด้วยสปริงสายใยที่ผลิตจากซิลิคอน และกลไกโครโนกราฟที่ผลิตในโรงงาน คาลิเบอร์ Manufacture MT5813
BLACK BAY CHRONO S&G
นับตั้งแต่เปิดตัว Black Bay Chrono รุ่นแรก TUDOR ก็ได้เปิดตัวอีก 3 รุ่นคือ Black Bay Chrono S&G, Black Bay Chrono Dark และสองรุ่นที่มีสีบนหน้าปัดย่อยตัดกับพื้นหน้าปัดหลัก (เรียกกันว่า “แพนด้า” และ “รีเวิร์ส-แพนด้า’) Black Bay Chrono S&G ใช้กลไกแบบเดียวกับ Black Bay Chrono รุ่นดั้งเดิม แต่มาพร้อมขอบตัวเรือนทองคำสีเหลืองกับวงแหวนสีดำด้านและเครื่องหมายสีทอง ด้วยขอบตัวเรือนทองกับสายสตีลและทองคำ ผลลัพธ์คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างการใช้งานจริงและสไตล์อันโดดเด่น
BLACK BAY CHRONO DARK
Black Bay Chrono Dark ได้รับการเปิดตัวเพื่อเป็นเกียรติให้กับความร่วมมือระหว่าง TUDOR, Rugby World Cup 2019 และ All Blacks ทีมรักบี้แห่งชาติของนิวซีแลนด์ โดย Black Bay Chrono Dark มีรูปลักษณ์โฉบเฉียวในโทนสีดำด้าน พร้อมตกแต่งรายละเอียดด้วยสีเงินตัดกับสีขาว ความตั้งใจของนาฬิกาคือการเฉลิมฉลองให้กับผู้เล่นทุกคนที่ได้รับเลือกให้ติดทีมชาติตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 1884
WATCHES & WONDERS 2021: การเพิ่มรุ่นของคอลเลกชั่น BLACK BAY CHRONO
และล่าสุดที่งาน Watches and Wonders 2021 แบรนด์ TUDOR ได้เปิดตัว Black Bay Chrono สองรุ่นใหม่ ทั้งคู่มีตัวเรือนผลิตจากสตีลพร้อมขอบหน้าปัดประดับสเกลทาคีมิเตอร์สีดำ พื้นหน้าปัดในโทนสีตัดกับกับหน้าปัด เช่นเดียวกับ Black Bay Chronos รุ่นก่อนหน้านี้ ทั้ง 2 รุ่นใหม่นี้ถือเป็นนาฬิกาที่มีความทันสมัยอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานในแคตตาล็อกของ TUDORที่มีข้อมูลอ้างอิงมากมายตั้งแต่ในอดีต
มีทั้งแบบสายสแตนเลสสตีล สายหนังและสายผ้า
เลือกชม คอลเลกชั่นนาฬิกาของ TUDOR