New Watch! • 11 Jan 2023
นาฬิการุ่นไฮไลต์จาก Hublot ภายในงาน LVMH Watch Week 2023
ต้อนรับศักราชใหม่ด้วยความคึกคักภายในแวดวงนาฬิกา ด้วย LVMH Watch Week 2023 หนึ่งในงานแสดงนาฬิกาจากบริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกแฟชั่น ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในแวดวงนาฬิการะดับโลก และหนึ่งในแบรนด์ที่เข้าร่วมงานแสดงครั้งยิ่งใหญ่ก็คือ Hublot ที่คราวนี้เปิดตัวอย่างอลังการ ด้วยโมเดลระดับไอคอนหลากรุ่น และนี่คือรุ่นที่ PMT The Hour Glass คัดสรรมาแนะนำให้เหล่าคนรักนาฬิกาได้รู้จัก ก่อนจะตัดสินใจรับไว้เป็นหนึ่งในสมาชิกใหม่ในคอลเล็กชั่นส่วนตัว
Big Bang Tourbillon Automatic Yellow Neon SAXEM
โดดเด่นสะดุดตาทั้งในด้านสีสันและนวัตกรรมวัสดุสุดล้ำสำหรับ Big Bang Tourbillon Automatic Yellow Neon SAXEM ที่ Hublot ได้ท้าทายกรอบจำกัดเดิมอีกครั้ง ด้วยการนำวัสดุที่ผลิตได้อย่างยากยิ่งอย่าง SAXEM ซึ่งเป็นแซฟไฟร์ที่ใช้ในเทคโนโลยีการสร้างดาวเทียมและเลเซอร์ ซึ่งประกอบขึ้นด้วยแร่ธาตุชนิดหายากมาผลิตเป็นตัวเรือนนาฬิกา กลายเป็นวัสดุที่แข็งแกร่งทนทาน และเปล่งประกายงดงามยิ่งกว่าแซฟไฟร์ทั่วไป
ความพิเศษยังอยู่ที่สีเหลืองนีออนที่ดูแปลกตา ที่ถูกนำมาถ่ายทอดลงในแซฟไฟร์ชนิดพิเศษที่ทั้งหาได้ยากยิ่ง และขั้นตอนการผลิตยังมีความซับซ้อนสูง จริงอยู่ว่า Hublot เคยทำงานกับวัสดุชนิดนี้มาแล้วในโมเดล MP Big Bang MP-11 ซึ่งเลือกใช้วัสดุ SAXEM ถ่ายทอดสีเขียวมรกตลงบนวัสดุใสได้สำเร็จ แต่การนำสีสดที่มีคุณสมบัติสะท้อนแสงมาถ่ายทอดลงในวัสดุใสนั้นเป็นความท้าทายทั้งในเรื่องคุณภาพสีที่ได้ และความทนทานที่ต้องไม่ด้อยลง ดังนั้น จึงต้องใช้เวลาถึง 3 ปีจึงจะพัฒนาได้สำเร็จงดงามอย่างที่ได้เผยโฉมกันไปแล้ว
ส่วนในด้านกลไกนั้นก็ท้าทายอีกเช่นกัน เพราะขับเคลื่อนด้วยกลไกขึ้นลานอัตโนมัติ HUB6035 ซึ่งประกอบด้วยไมโครโรเตอร์ ซึ่งยากในการซ่อนไว้ด้วยฝาหลังแบบปิด ทางแบรนด์จึงเลือกใช้ฝาหลังแบบ openworked เปิดเปลือยให้เห็นทุกชิ้นส่วนได้อย่างถนัดตา กลายเป็นนาฬิกาที่โปร่งใสเผยตัวตนให้ได้ชมทุกชิ้นส่วน สะพานจักรต่างๆ ก็ล้วนทำจากแซฟไฟร์ เพื่อให้มองเห็นกรงทูร์บิญง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ซึ่งปรากฏราวกับแขวนลอยอยู่กลางอากาศ เผยให้เห็นการเคลื่อนไหวอย่างอิสระ สร้างสุนทรียะทางสายตาได้อย่างน่าตื่นตะลึง
Big Bang Unico SORAI
หลังจากที่รุ่นก่อนๆ เลือกโทนสีธรรมชาติอย่างสีเบจ และสีเขียวของพุ่มไม้มาถ่ายทอดลงบนตัวเรือนเซรามิกไปแล้ว เวอร์ชั่นล่าสุดของ Big Bang Unico SORAI มาในในสีสันที่จัดจ้านกว่าเดิม แต่ยังคงจำลองความงามของธรรมชาติมาถ่ายทอดได้อย่างแยบยล และบ่งบอกตัวตนของ Hublot ได้อย่างยอดเยี่ยม สำหรับ Big Bang Unico SORAI นาฬิการุ่นลิมิเต็ดที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างแบรนด์ Hublot และ SORAI องค์กรเพื่อการอนุรักษ์แรดในแอฟริกาและอินเดีย ก่อตั้งโดย Kevin Pietersen นักกีฬาคริกเก็ต หนึ่งในแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Hublot ซึ่งส่วนหนึ่งของรายได้จากการจำหน่ายนาฬิการุ่นดังกล่าวจะนำไปสนับสนุน SORAI เพื่ออนุรักษ์สัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์สายพันธุ์นี้ต่อไป
ซึ่งองค์ประกอบที่สื่อถึงสัตว์ป่าใกล้สูญพันธ์ที่ทางแบรนด์ขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยอนุรักษ์สะท้อนผ่านตัวเรือนเซรามิกขัดเงาและตกแต่งผิวด้วยเทคนิคไมโครบลาสต์สีไรโนเกรย์ขนาด 44 มม. ที่พัฒนาขึ้นเพื่อนาฬิการุ่นลิมิเต็ดรุ่นนี้โดยเฉพาะ มาพร้อมหน้าปัด openworked ที่มีเอกลักษณ์ด้วยสีสันที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสีของท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตก ส่วนสีเหลือง สีส้ม สีม่วง และสีชมพู สีของท้องฟ้ายามรุ่งอรุณสื่อถึงความหวังของวันใหม่ที่ความเปลี่ยนแปลงกำลังจะมาถึง
ภายในตัวเรือนรูปลักษณ์เฉพาะตัวบรรจุไว้ซึ่งกลไกขึ้นลานอัตโนมัติ Unico สำรองพลังงานได้ 72 ชั่วโมง มาพร้อมระบบ One-click ที่เปลี่ยนสายได้อย่างสะดวกสบาย เพราะ Big Bang Unico SORAI มีสายให้เลือกทั้งสายผ้าสีเทามาพร้อมแถบเวลโคร่ และสายผ้าลายพรางสีดำ สีม่วง สีส้ม รับกับสีพระอาทิตย์ขึ้น-ตก ของหน้าปัดนาฬิกา นับเป็นนาฬิกาที่มีรูปลักษณ์สะดุดตาทั้งสีสันและลวดลายที่แตกต่างอย่างลงตัว
Classic Fusion Original
ที่ผ่านมาโมเดล Classic Fusion ได้ผ่านการแปลงโฉมมาหลายต่อหลายเวอร์ชั่น ครั้งนี้โมเดลยอดนิยมหวนคืนสู่สไตล์ดั้งเดิมอีกครั้งกับ Classic Fusion Original ที่กลับมาในลุคเรียบหรู ควบคู่กับสไตล์สปอร์ตที่ดูคล่องตัว และยังคงดีไซน์เดิมที่ครองใจคนรักนาฬิกามาตั้งแต่ยุค 80s ไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นสายนาฬิกายาง หน้าปัดเคลือบแล็คเกอร์สีดำอันเรียบโก้ส่งเสริมให้เข็มบอกเวลาโดดเด่น อ่านค่าเวลาได้ง่าย วัสดุเยลโลว์โกลด์ที่ใช้ในส่วนตัวเรือนก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ตอกย้ำความเป็น Hublot ได้อย่างแจ่มชัด สิ่งที่แตกต่างไปจากเวอร์ชั่นดั้งเดิมคงเป็นตัวโลโก้ Hublot ที่ถูกปรับให้เพรียวบาง ร่วมสมัยยิ่งขึ้น ช่วยเติมความสดใหม่ให้กับโมเดลที่ได้รับความนิยมมาตลอด 42 ปี
ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้มีให้เลือก 3 วัสดุด้วยกัน ได้แก่ เยลโลโกลด์ ไทเทเนียม และเซรามิก ส่วนขนาดตัวเรือนก็มีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการตั้งแต่เส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มม. 38 มม. และ 33 มม. ทุกเวอร์ชั่นยังคงตอกย้ำเอกลักษณ์ของโมเดลอันเป็นตำนานโดยเฉพาะสกรูรูปตัว H ทั้ง 6 ตัว ถูกจัดวางอยู่บนขอบตัวเรือน ฝาหลังกระจกแซฟไฟร์เผยให้เห็นชิ้นส่วนจักรกลภายใน เผยให้เห็นกลไกระดับตำนานของ Hublot ทั้งยังช่วยปรับลุคให้นาฬิการุ่นดั้งเดิมดูสดใหม่ทันสมัยยิ่งขึ้น
ซึ่งโฉมใหม่ของนาฬิการะดับตำนานของ Hublot นี้ผลิตขึ้นเพียง 500 เรือนเท่านั้น สาวก Hublot ตัวจริงคงไม่พลาดตัวเลือกใหม่ที่จะช่วยเติมเต็มคอลเล็กชั่นสุดคลาสสิกให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
Big Bang Rainbow Edition
เฉดสีรุ้งยังคงเป็นทางเลือกที่ Hublot ยึดมั่นและนำเสนอได้อย่างสมภาคภูมิ ถ่ายทอดผ่านโมเดลยอดนิยมอย่าง Big Bang Unico ซึ่งคราวนี้เลือกเปิดตัวพร้อมกันสองโมเดลคู่แฝด ที่มีจุดแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่สามารถสร้างความแตกต่างทางบุคลิกเฉพาะตัวได้อย่างน่าสนใจ
โมเดลสีรุ้งทั้งสองนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโมเดลยอดนิยมที่เปิดตัวเมื่อค.ศ. 2022 ได้แก่ รุ่น Big Bang Integrated ที่มาในขนาดตัวเรือน 42 มม. และ รุ่น Big Bang Integrated Time Only ขนาดตัวเรือน 40 มม. มาพร้อมความคล่องตัวยิ่งกว่าด้วยความหนาของตัวเรือนน้อยกว่า 10 มม. แต่งแต้มให้เจิดจรัสยิ่งขึ้นด้วยเทคนิคการประดับอัญมณีชั้นสูงเฉดสีรุ้งโปร่งแสงแบบเต็มพื้นที่ตั้งแต่ตัวเรือน ขอบตัวเรือน จรดทั่วทั้งสาย โดยอัญมณีหลากสีถูกจัดเรียงไล่เฉดอย่างวิจิตร ไล่ไปตั้งแต่ทับทิมสีแดงก่ำ อเมทิสต์สีม่วงลุ่มลึก โทแพซสีน้ำเงิน ซาโวไรท์ ไปจนถึงแซฟไฟร์สีสดใสหลากสีทั้งสีชมพู สีส้ม สีฟ้า และสีเหลือง ไม่เพียงแต่สีสันที่เปล่งประกายหลากหลายเฉด เหลือบสีของอัญมณีแต่ละชนิดยังมีความเฉพาะตัวสูง ยิ่งผสานเข้ากับการจับคู่สีที่มีชั้นเชิงของเหล่าช่างประดับอัญมณีระดับมาสเตอร์บรรจงประดับอัญมีหลากสี 174 เม็ด ลงบนรุ่น Big Bang Integrated และ 176 เม็ด สำหรับรุ่น Big Bang Integrated Time Only รวมถึงสายสร้อยข้อมือของแต่ละโมเดลที่ประดับด้วยอัญมณีทั้งหมด 768 และ 748 เม็ดตามลำดับ
ทั้งสองรุ่นยังมีความคล้ายคลึงกันในด้านวัสดุคิงโกลด์อันเป็นเอกลักษณ์ทางด้านวัสดุศาสตร์ภายใต้แบรนด์ Hublot เสริมมิติด้วยเทคนิคการตกแต่งผิวแบบขัดซาตินผสานเข้ากับการขัดเงา ส่งเสริมให้อัญมณีหลากสีส่องประกายเจิดจรัส นาฬิกาเฉดสีรุ้งทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมหน้าปัดสีดำ องค์ประกอบต่างๆ บนหน้าปัดเคลือบสีดำเข้มสุดเท่ มอบลุคที่ขัดแย้งแต่ลงตัว ทั้งคู่ยังขับเคลื่อนด้วยกลไกที่ผลิตขึ้นในโรงงานของแบรนด์ที่เชื่อถือได้ในความเที่ยงตรง
รอติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของนาฬิกา Hublot จากงาน LVMH Watch Week 2023 ได้ทางทุกแพลตฟอร์มของ PMT The Hour Glass และ IG : @Hublot_Bangkok